รีวิวหนังสือ ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ โดย ฮิงาชิโนะ เคโงะ

 

โดยเรื่องราวในหนังสือนั้นมีความหมายที่ดีและกินใจใครหลายๆคนเพราะหนังสือเล่มนี้ถูกขายไปแล้วกว่า 12 ล้านเล่มทั่วโลกและยังถูกสร้างขึ้นมาเป็นเป็นภาพยนตร์ทั้งในญี่ปุ่นและจีนและได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างว่าด้วยเรื่องตัวละครนั้นที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ครบทุกตังละครให้มีความเชื่อโยงกันไม่ขัดใดๆและหนังสือเล่มนี้ยังบอกถึงเรื่องราวการบรรจบกันของเวลาปัจจุบัน กับอดีตเมื่อ 33 ปี ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ" ของผู้แต่งนิยายแนวสืบสวน ฮิงาชิโนะ เคโงะ

หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของหัวขโมย 3 คน ที่หลงเข้ามาใน ร้านชำของคุณนามิยะ ที่ปิดตายไปสามสิบสามปีแล้ว และทั้ง 3 ก็ได้รับจดหมาย ที่ต้องการปรึกษาปัญหา ของหญิงสาวจากอดีต ใช่จากอดีตเมื่อ 40 ปีมาแล้ว จากการเริ่มตอบจดหมายฉบับแรกหัวขโมยทั้ง 3 ก็ได้รับจดหมาย โต้ตอบกลับไปมา พร้อมทั้งให้คำแนะนำจากอนาคต ใช่แต่หญิงสาวคนนี้เพียงคนเดียว ทั้งสามยังตอบคำถาม และให้แรงบันดาลใจ กับหลายๆ คนที่ส่งปัญหามาถึงคุณนามิยะ เรื่องราวความสนุก มันไม่ใช่แค่การตอบคำถามของทั้งสามคน หากแต่อยู่ที่การผูกโยงเรื่องราว ของทั้งสามกับตัวละครที่ส่งจดหมายมาหา นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงให้เห็นถึงผลของคำตอบของชายหนุ่มทั้งสามอีกด้วย

ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ..ความน่าสนใจของเล่มนี้ คือตอนนี้มันขึ้นอันดับหนึ่งที่หน้าร้านนายอินทร์ และเป็นผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ นักเขียนแนวสืบสวน แต่เล่มนี้มันเป็นแนวอุ่นๆ ดราม่าๆ มีเรื่องราวเกี่ยวกับกาลเวลาเข้ามาพัวพัน เอาง่ายๆ จุดเริ่มต้นคือ มีหัวขโมย 3 คน หลังจากขโมยของก็หาที่กบดานเพื่อรอจังหวะจะหนี โดยเข้าไปหลบที่ร้านชำนามิยะ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รกร้างห่างไกลผู้คนร้านนี้ในอดีตนอกเหนือจากร้านชำ คือร้านรับปรึกษาปัญหากลุ้มใจ โดยคนที่มีปัญหาจะเขียนจดหมายมาหย่อนไว้ที่ร้าน จากนั้นคุณตาเจ้าของร้านจะหยิบคำถามกลุ้มใจของทุกคนมาเขียนตอบกลับ โดยจะหย่อนคำตอบไว้ถังใส่นมหลังร้าน

 

ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะนั่น คือร้านนี้สามารถเชื่อมโยงปัจจุบันกับอดีตได้ โดยวันที่หัวขโมย 3 คน แอบเข้ามาคือวันครบรอบวันตาย 33 ปีของคุณตาเจ้าของร้าน และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เพราะหัวขโมยทั้ง 3 ได้รับจดหมายจากคนในอดีตที่เขียนส่งเข้ามายิ่งกว่านั้น พวกขโมยยังตอบคำถามเหล่านั้นกลับไปอีกด้วย และคำตอบของพวกเขา ส่งผลเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนในอดีต เหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่ขโมยเขียนตอบคำถาม สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงตัวของพวกเขาไปทีละนิด อย่างที่คนอ่านจะแอบสังเกตได้ เนื้อเรื่องเล่าสลับไปมา ระหว่างอดีตเมื่อ 40 ปีที่แล้วกับปัจจุบัน นึกสภาพคนจากสองยุคสมัยคุยกัน ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี การเมือง สังคม และการที่ได้เห็นผู้คนทั้งในจากอดีตและปัจจุบันเชื่อมโยงเข้าหากัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จับมือกับผ่านเรื่องราวในชีวิตไปด้วยกัน

 

รีวิวหนังสือ Asymmetry : Lisa Halliday

 

สามในสี่ของทางผ่านนวนิยายเรื่องแรกของ Lisa Halliday เรื่อง "Asymmetry" นักข่าวต่างประเทศชาวอังกฤษชื่อ Alistair กำลังใช้คริสต์มาสในบริเวณนอกกรุงแบกแดด เพื่อนร่วมงานของเขามีทั้งตากล้อง ผู้รับเหมาด้านการป้องกัน พนักงานขององค์การสหประชาชาติ และพนักงานช่วยเหลือ แม่ของใครบางคนได้ส่งแฮม HoneyBaked จากเมน FedExed; ผู้คนกำลังสูบบุหรี่ริมสระน้ำ ปีพ.ศ. 2546 เพียงไม่กี่วันหลังจากการจับกุมซัดดัม ฮุสเซน และแม้ว่าอารมณ์จะมองโลกในแง่ดี อลิสแตร์ก็กังวลเกี่ยวกับจริยธรรมของอาชีพที่เขาเลือก โดยสงสัยว่าการรายงานเกี่ยวกับความรุนแรงไม่ได้สนับสนุนความรุนแรงโดยอ้อมและตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงอยากอยู่ด้วย เขตต่อสู้มากกว่าอ่านหนังสือภาพให้ลูกชายฟัง แต่ทุกครั้งที่เขากลับไปลอนดอน เขาจะเริ่ม "เลิกรา" เขาไม่สามารถกลับบ้านได้ “คุณสังเกตว่าผู้คนทำอะไรด้วยเสรีภาพของพวกเขา — สิ่งที่พวกเขาไม่ทำ — และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตัดสินพวกเขาด้วยสิ่งนี้” เขากล่าว

บรรทัดที่ฝังอยู่ตรงกลางของย่อหน้ายาวหน้าอย่างไม่เป็นระเบียบ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เช่นเดียวกับบทอื่นๆ มากมายใน "อสมมาตร" ที่เป็นคำวิจารณ์ทางวรรณกรรม นวนิยายของฮัลลิเดย์แปลกและฉลาดจนน่าตกใจว่าการมีอยู่ของมันดูเหมือนเป็นการวิจารณ์เกี่ยวกับสถานะของนิยาย คนหนึ่งจบ "ความไม่สมดุล" ในครั้งแรกหรือครั้งที่สอง (หรือเหมือนผู้อ่านรายนี้ครั้งที่สาม) และสงสัยว่านักเขียนคนอื่น ๆ ไม่ได้ทำอะไรด้วยอิสระ - และเช่นเดียวกับ Alistair ที่ตัดสินพวกเขา

แม้จะมีชื่อเรื่องว่า “อสมมาตร” ประกอบด้วยส่วนที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันสองส่วนที่มีความยาวเท่ากัน ต่อท้ายด้วยโคดาที่เพรียวบางและน่าตกใจอย่างเงียบๆ ร้อยแก้วของ Halliday นั้นสะอาดและเรียบง่าย เกือบจะเป็นงานข่าวในสไตล์ของ W. G. Sebald และชอบเสียงพึมพำของคนขี้อายในงานเลี้ยงค็อกเทล มักเป็นเรื่องตลกในประโยคเดียวเท่านั้น เป็นนวนิยายเรื่องแรกที่อ่านเหมือนผลงานของนักเขียนที่ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา